อัพเดตทุกความเคลื่อนไหว การชุมนุม #ม็อบ24มิถุนา ไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา
วันที่ 24 มิถุนายน 2564 นอกจากครบรอบ 89 ปี วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ยังเป็นวันที่กลุ่มผู้ชุมนุมนอกสภา นัดแสดงพลัง เปิดเกมรุก-ไล่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างพร้อมเพรียง ทั้งสิ้น 5 ม็อบดังนี้
- ม็อบผู้ใหญ่ “แกนนำไทยไม่ทน-สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” นำโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นัดชุมนุมล้อมทำเนียบรัฐบาล เวลาประมาณ 12.00 – 16.00 น.
- ม็อบราษฎร เคลื่อนไปรัฐสภา เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกแสดงจุดยืนราษฎร นำโดย เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, สมยศ พฤกษาเกษมสุข, ไมค์ ระยอง-ภาณุพงศ์ จาดนอก, โตโต้-นายปิยรัฐ จงเทพ, รุ้ง-นางสาวปนัสยา สิทธิ์จิรวัฒนกุล จากนั้นเวลา 17.00 น. ไปรวมตัวกันที่ สกายวอล์ก ปทุมวัน เพื่อย้ำข้อเรียกร้องเรื่องรัฐธรรมนูญ
- กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า นำโดย นายชาติชาย ไพรลิน นัดรวมพล อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ เพื่อจัดกิจกรรมรำลึกถึงเหตุการณ์ครบรอบ 89 ปี อภิวัฒน์สยาม 2475
- กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี นำโดย นายเจษฎา ศรีปลั่ง ก็นัดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วัตถุประสงค์เพื่อทำกิจกรรมขับไล่รัฐบาล
- กลุ่ม Re-solution นำโดยธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล แม้ไม่ใช่จัดม็อบลงท้องถนนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากนายกฯ
เริ่มวันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ เนื่องในวาระครบรอบ 89 ปี อภิวัฒน์สยาม วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 กลุ่มราษฎร พร้อมด้วยกลุ่มทะลุฟ้า, ศิลปะปลดแอก, เฟมินิสต์ปลดแอก, เดมโฮป, นักเรียนเลว, ราษฎรเอ้ย, เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี, เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิ์ประชาชน และประชาชนประมาณ 250 คน
รวมตัวทำกิจกรรม “ยืนยันดันเพดาน” เพื่อรำลึกถึงภารกิจเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร 2475 และร่วมแสดงพลังต่อต้านรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พระยาพหลพลพยุหเสนา อ่านประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 เมื่อ 89 ปีก่อน ท่ามกลางมาตรการป้องกันโควิด 19 อย่างเคร่งครัด
เวลาประมาณ 04.00 น. มีการผูกป้ายผ้า 4 ป้าย ที่เขียนข้อความ “89 ปีอภิวัฒน์สยาม” “วันที่ 24 มิถุนา วันที่ทุกคนอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ” “ราษฎรทุกคนมีสิทธิ์เสรีภาพเสมอกัน” “ประเทศนี้เป็นของราษฎร” ก่อนติดตั้งหมุดคณะราษฎรขนาดใหญ่ ระบุข้อความ “ณ ที่นี้ คณะราษฎรได้ก่อกำเนิด รัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ” และ 2 ป้ายแบ๊กดรอปขนาดใหญ่ต่อต้านรัฐธรรมนูญ 2560 เรียกร้องรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ความว่า “ผนึกกำลังทั้งแผ่นดิน ต่อต้านรัฐธรรมนูญเผด็จการ ปิดสวิตช์ ส.ว. รัฐธรรมนูญประชาชน”
เวลา 05.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวนหนึ่ง ยืนกระจายกำลังบริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ ซอยดำเนินกลางใต้ ไปจนถึงประจำจุดตามซอย ตลอดแนวถนนนครสวรรค์ และบริเวณที่จัดกิจกรรม
จากนั้น เวลา 05.30 น. ประชาชนร่วมกันจุดเทียน ที่เรียงเป็นข้อความ “89 ปี 2475” ตัวแทนกลุ่มทะลุฟ้า กล่าวว่า รัฐบาลทำหมุดหาย ก็จะมีหมุดใหม่ขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือหมุดของคณะราษฎร 2475 จะสังเกตได้ว่า ในหมุดมีข้อความ ณ ที่นี้ คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ บันทึกไว้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีแกนนำนักกิจกรรมทางการเมือง ร่วมด้วย อาทิ นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิ์มนุษยชน, นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ หัวหน้าพรรคก้าวล่วง, นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือ ฟ้า ราษฎรมูเตลู, นายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือ จัสติน, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน กลุ่มทะลุฟ้า, นายธัชพงศ์ แกดำ หรือ บอย, น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ ตี้พะเยา และนายธนพัฒน์ กาเป็ง แกนนำกลุ่มราษฎรเอ้ย, น.ส.ชุมาพร แต่งเกลี้ยง หรือ วาดดาว กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก และนายอาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร ซึ่งปักหลักที่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น.
ต่อมา เวลา 05.43 น. มีการทำกิจกรรมเพอร์ฟอร์มานซ์อาร์ต โดยตัวแทน 3 คน จาก “กลุ่มนักเรียนเลว” ยืนเรียงแถว พร้อมนำผ้าปิดตา ระบุข้อความ อาทิ “ชิงสุกก่อนห่าม” “เรายังไม่พร้อม” จากนั้น นายธนพัฒน์ หรือ ปูน กล่าวถึงประวัติศาสตร์คณะราษฎร ที่นักเรียนถูกปิดหูปิดตา ไม่ให้รับรู้ประวัติศาสตร์คณะราษฎร
นักกิจกรรมกล่าวว่า รัฐบาลที่พยายามปิดหูปิดตาประชาชน ปกปิดประวัติศาสตร์คณะราษฎร ให้ศึกษาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเขา ไม่ใช่ต่อเรา เราจะเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ คือประชาธิปไตย และเราจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ ลบเลือนไป
จากนั้น เวลา 05.50 น. นายอานนท์ นายพรหมศร และ น.ส.ปนัดดา สิริมาสกุล หรือ ‘ต๋ง ทะลุฟ้า’ อ่านประกาศคณะราษฎร ร่วมกับประชาชน ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 ความโดยสังเขปว่า
ราษฎรทั้งหลาย ความตกต่ำในทางเศรษฐกิจ จากรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ที่แก้ไข่ไม่ได้ ก็เพราะรัฐบาลไม่ได้ปกครองประเทศเพื่อราษฎรตามที่รัฐบาลอื่น ๆ ได้กระทำกัน เหตุฉะนั้นแทนที่จะช่วยราษฎร กลับพากันทำนาบนหลังราษฎร มิหนำช้ำ กล่าวหมิ่นประมาทราษฎรผู้มีบุญคุณเสียภาษีอากร
ให้ มิหนำซ้ำกล่าวหมิ่นประมาทราษฎรว่ายังมีเสียงทางการเมืองไม่ได้ เพราะราษฎรโง่ คำพูดของรัฐบาลเช่นนี้ใช้ไม่ได้ เพราะเป็นคนชาติเดียวกัน ที่ราษฎรรู้ไม่ถึงนั้น เป็นเพราะขาดการศึกษา ที่ถูกปกปิดไว้ไม่ให้เรียนเต็มที่
ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศเป็นอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก บ้านเมืองกำลังอัตคัด ฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา เพราะทำนาไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนที่เรียนสำเร็จแล้ว และทหารที่ปลดกองหนุนแล้วก็ไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม
บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย นายสิบ และเสมียน เมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินมาจัดบำรุงบ้านเมืองให้คนมีงานทำ
เหตุฉะนั้น ราษฎร ข้าราชการ ทหาร และพลเรือน ที่รู้เท่าถึงการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลดังกล่าวแล้ว จึงรวม กำลังตั้งเป็นคณะราษฎรขึ้น และได้ยึดอำนาจไว้ได้แล้ว คณะราษฎรเห็นว่า การที่จะแก้ความชั่วร้ายนี้ได้ ก็โดย จัดการปกครองโดยมีสภา จะได้ช่วยกันปรึกษาหารือหลาย ๆ ความคิดดีกว่าความคิดเดียว
หลักการใหญ่ ๆ ที่คณะราษฎรวางไว้ 6 ข้อมีอยู่ว่า
1.จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชในทางการเมือง ในทางศาล ในทางเศรษฐกิจ และอื่น ๆ ของประเทศไว้ให้มั่นคง
2.จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก
3.ต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎในทางเศรษฐกิจ โคยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก
4. จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิ์เสมอภาคกัน
5.จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก 4 ประการดังกล่าวข้างต้น
6.จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร
“ราษฎทั้งหลายจงพร้อมใจกันช่วยคณะราษฎรให้ทำกิจกอันจะคงคยู่ชั่วฟ้าดินนี้ให้สำเร็จ คณะราษฎรขอให้ทุกคนที่มิได้ร่วมมือเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลเหนือกฎหมาย พึงตั้งตนอยู่ในความสงบ และตั้งหน้าทำมาหากิน อย่าทำการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางต่อคณะราษฎร การที่ราษฎรช่วยคณะราษฎรนี้ เท่ากับราษฎรช่วยประเทศ และช่วยตัวราษฎรบุตร หลาน เหลน ของตนอง ประเทศจะมีความเป็นเอกราชอย่างพร้อมบริบูรณ์ ราษฎรจะได้รับความปลอดภัย ทุกคนจะต้องมีงานทำ ไม่ต้องอดตาย ทุกคนจะมีสิทธิ์เสมอกัน และมีเสรีภาพพ้นจาการเป็นไพร่ เป็นข้า เป็นทาส สิ่งที่ทุกคนพึงปรารถนาคือ ความสุข ความเจริญอย่างประเสริฐ ซึ่งเรียกเป็นศัพท์ว่า “ศรีอาริยะ” นั้น ก็จะพึงบังเกิดขึ้น แก่ราษฎรถ้วนหน้า”
จากนั้น เวลา 10.00 น. มีประชาชนเดินทางมารวมตัวโดยมีรถเครื่องเสียงจอดปักหลัก นายธัชพงศ์ แกดำ ปราศรัยบนรถ ต่อมา เวลา 10.15 น.โดยประมาณ มีการร้องเพลงแร็พโดยเยาวชนบนถนนราชดำเนินหน้าร้านแมคโดนัลด์ พร้อมเผาพานรัฐธรรมนูญ 60 จำลอง
เวลา 10.34 น. รถเครื่องเสียงเคลื่อนขบวน โดยมีกลุ่มประชาชนเดินเท้านำ
เวลา 10.40 น. ขบวนถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ นายธนพัฒน์ กาเป็ง หรือ ปูนกลุ่มราษฎรเอ้ย และนายธัชพงศ์ แกดำ ผลัดกันปราศรัยเน้นย้ำการต่อสู้อย่างสันติ อหิงสา ยืนยันการต้องหยุดสืบทอดอำนาจ รัฐธรรมนูญต้องเป็นของประชาชน
เวลา 10.42 น. ขบวนหยุดชั่วคราว นายธัชพงศ์กล่าวว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะเดินต่อไป ขอให้เป็นหน้าที่ทีมเจรจา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหัวมุมถนนราชดำเนินนอก แยกผ่านฟ้าลีลาศ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนตั้งแถวปิดช่องจราจร นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ยืนชู 3 นิ้ว หน้าแถวตำรวจ
เวลา 10.48 น. ขบวนเบี่ยงขวาเข้าสู่ถนนหลานหลวง ระหว่างเดินขบวนบนถนนหลานหลวง ‘ต๋ง ทะลุฟ้า’ ปราศรัยวิพากษ์การสืบทอดอำนาจบนรถเครื่องเสียงซึ่งมีการติดตั้งภาพหมุดคณะราษฎรขนาดใหญ่ ในขบวนมีการร่วมกันถือป้ายผ้า ‘รัฐธรรมนูญ 60 คือความสิ้นหวัง’ รวมทั้งถือธงสนับสนุนการร่วมลงชื่อรื้อระบอบประยุทธ์
เวลา 10.56 น. ขบวนถึงแยกหลานหลวงตะโกน ประยุทธ์ออกไป
เวลา 11.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนตัวออกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มุ่งหน้าไปยังอาคารัฐสภา เพื่อยื่นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กำลังประชุมอยู่ ทั้งนี้คาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนไปถึงในเวลาประมาณ 13.00 น.
จากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุม นำโดย นายจตุภัทร์ หรือ ไผ่ ดาวดิน, ตัวแทนเฟมินิสต์ปลดแอก และตัวแทน “นักเรียนเลว” ผ่านหน้าวัดสุนทรธรรมทาน มีการรัวกลองอย่างครึกครื้นโดย “คณะราษดรัม”
เวลา 11.10 น. ขบวนถึงแยกสะพานขาว ไผ่ ดาวดิน ชูหมุดคณะราษฎร 2475 จำลอง ประชาชนตะโกน “ประยุทธ์ออกไป” ก่อนข้ามสะพานขาว ผ่านตลาดทรัพย์สินพัฒนา รพ.มิชชั่น บ้านมนังคศิลา
เวลา 11.22 น. ขบวนถึงแยกยมราช ข้ามแยกเลี้ยวขวา ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบตั้งแถวยืนหัวถนนสวรรคโลก
นอกจากนี้ กลุ่มราษฎร์ ที่นำโดย โตโต้ ปิยะรัฐ จงเทพ พร้อมการ์ด Wevo ทำการเตรียมสถานที่ เครื่องเสียงดนตรี พร้อมทั้งเตรียมต้อนรับขบวนราษฎรที่กำลังเดินขบวนมาที่รัฐสภาบริเวณลานข้างรัฐสภา ด้านสี่แยกเกียกกาย ถ.ทหาร
ต่อมาตำรวจเข้าอ่านประกาศในสภานการณ์ฉุกเฉิน และข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค ก่อนเจรจากับทีมการ์ดวีโว่ ขอให้จัดกิจกรรมในเขตรั้วเหล็ก ไม่กินแนวฟุตปาธ โดยทีมงานรับปาก ด้านตำรวจควบคุมฝูงชน และนอกเครื่องแบบ กระจายกำลังรอบบริเวณ ไปจนถึงตลอดแนวถนนสามเสน ภายในวัดแก้วฟ้าจุฬามณี และถนนทหาร
นอกจากนี้ ในการชุมนุมครั้งนี้ ยังมีทีมงานกลุ่ม รี-โซลูชั่น ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรที่คณะก้าวหน้า ร่วมกับพรรคก้าวไกล กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า (CONLAB) ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร และโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อล่ารายชื่อประชาชนสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรารื้อระบอบสืบทอดอำนาจ คสช. ในโครงการ“ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” ด้วย
เวลา 11.25 น. ขบวนเข้าสู่ถนนเพชรบุรี โดยมีรถเครื่องเสียงของกลุ่มอาชีวะและคนเสื้อแดงปิดท้าย
เวลา 11.33 น. ขบวนถึงแยกอุรุพงษ์ เลี้ยวซ้ายสู่ถนนพระรามที่ 6 มีการเปิดเพลง ‘อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้’ ของวงสามัญชนอย่างกึกก้อง กระทั่งถึงแยกศรีอยุธยาเมื่อเวลาประมาณ 11.45 น. โดยนายธัชพงศ์ประกาศ ‘งดใช้เสียง’ เนื่องจากใกล้ถึงเขตโรงพยาบาลรามาธิบดี
ทั้งนี้ บริเวณแยกศรีอยุธยา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบตั้งแถวปิดช่องทางเลี้ยวขวาสู่แยกสี่เสา โดยจากจุดนี้ ขบวนราษฎรเดินตรงไปข้างหน้า ผ่าน รพ.รามาธิบดี ไม่มีการปราศรัย ไม่เปิดเพลง ไม่ใช่เครื่องเสียง
เวลา 12.10 น. ขบวนข้ามสะพานข้ามคลองสามเสน ถึง 3 แยกโรงกรองน้ำ นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบร์ท กลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรี ชึ้นปราศรัยบนรถเครื่องเสียงมีเนื้อหาเกี่ยวกับการอภิวัฒน์สยาม 2475 โดยชวนให้ผู้ร่วมขบวนชู 3 นิ้ว กล่าวบทกวีของ “วิสา คัญทัพ” ความว่า
“ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาปสูญ ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่ ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบตั้งแถวปิดกั้นเส้นทางหลายจุด อาทิ ถนนราชวิถี ฝั่งซ้ายข้าง รพ.รามาธิบดี และถนนนครไชยศรี เป็นต้น
เวลา 12.20 น. ขบวนหยุดพัก 10 นาที บริเวณปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ปากซอยพระรามที่ 6 ซอย 33 ระหว่างนั้น มีผู้นำขนมไข่หงส์ และน้ำดื่มแจกฟรี กลุ่มอาสาปฐมพยาบาล ประกาศจุดพยาบาลริมทางเท้า โดยจัดเตรียมแอมโมเนีย หน้ากากอนามัย และอื่น ๆ สำหรับให้บริการ ขณะที่ผู้ร่วมขบวนส่วนใหญ่นั่งพักผ่อนโดยรอบ บางส่วนเข้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน นายธัชพงษ์ แกดำ หรือ บอย วายพีดี ประกาศขอบคุณปั๊มน้ำมัน โดยระบุว่าจะปฏิบัติตนอย่างเป็นระเบียบ
ทั้งนี้ นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนางสาวพลอยวรินทร์ ชิวารักษ์ หรือ พ้อย น้องสาวนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ร่วมขบวนดังกล่าวด้วย
เวลา 12.35 น. นายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน ประกาศเริ่มเดินขบวนอีกครั้ง โดยให้มีการจัดแถวใหม่ 6 แถว เพื่อให้ได้ยินเครื่องเสียงอย่างทั่วถึง และกล่าวว่า เหลืออีกเพียง 4 กม. จะถึงรัฐสภา
เวลา 12.40 น. เริ่มเคลื่อนขบวน โดยมีการประกาศงดใช้เสียง เนื่องจากเข้าใกล้ รพ.วิชัยยุทธ
เวลา 12.50 น. นายธัชพงศ์ประกาศว่า เมื่อถึงรัฐสภา จะมีการยื่นจดหมายเปิดผนึกเพื่อยืนยันว่าต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เลิกสืบทอดอำนาจ ยุติ ส.ว.250 คน อันนำมาซึ่งปัญหา ทุกสาขาอาชีพต้องมีส่วนร่วมเขียน เพราะรัฐธรรมนูญต้องเป็นของประชาชน ไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่คนรวย นายทุน แต่เป็นของทุกคน
เวลา 12.55 น. ขบวนถึงแยกพิบูลย์วัฒนา “ต๋ง ทะลุฟ้า” ขึ้นปราศรัยบนรถเครื่องเสียงขับไล่พล.อ.ประยุทธ์
เวลา 13.12 น. ขบวนเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนประดิพัทธ์ ระหว่างทางมีประชาชนบางส่วนยืนหน้าร้านค้าและเคหสถานของตน ชู 3 นิ้ว ถือตุ๊กตาเป็ดเหลือง และโบกธงสนับสนุนการลงชื่อรื้อระบอบประยุทธ์
เวลา 13.15 น. ขบวนถึงแยกเทอดดำริ โดยมีรถกองสวัสดิการและประชาสัมพันธ์เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรีปิดท้าย ข้ามสะพานข้ามคลองเปรมฯ ระหว่างทางเมื่อใกล้ถึงแยกเกียกกาย มีผู้สูงอายุบางรายเป็นลม ผู้อยู่ในเหตุการณ์เร่งปฐมพยาบาล
เวลา 13.38 น. ขบวนถึงรัฐสภา ถึงยังแยกเกียกกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ ขึ้นเวทีปราศรัยบริเวณลานหัวมุมถนนสามเสน ข้างรัฐสภา ตอนหนึ่งว่า ยืนยันว่าการแก้รัฐธรรมนูญตัองแก้ทั้งฉบับ และต้องแก้เรื่อง สว. ถ้าไม่แก้จุดนี้ ถือว่าไม่ได้แก้ นอกจากนี้ สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
ภายหลังจากกลุ่มชุมนุมได้เดินทางมาถึงยังบริเวณ หน้าอาคารรัฐสภา ด้านแยกเกียกกาย แกนนำได้สลับกันขึ้นปราศัย รวมถึงทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ แสดงจุดยืนเรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด
เพนกวิน : ตราบใดที่มีอุดมการณ์เดียวกัน “เราคือราษฎร”
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำราษฎร เดินทางมาถึงรัฐสภา ในเวลา 12.49 น. ได้ให้สัมภาษณ์ตามรายงานของมติชนว่า ปีที่แล้วมีการดันเพดาน กระชากม่าน ราษฎรยังยืนยัน เรารื้อเพดานไปแล้ว อะไรที่ทำลายไปแล้ว ไม่มีวันกลับมา ปีนี้เดินหน้าเป้าหมายการต่อสู้
“ผมไม่คาดหวังอะไรจากรัฐสภา เราคือเจ้าของแผ่นดิน เรามาแสดงจุดยืน ส่งเสียง คุณจะฟังหรือไม่ เรื่องของคุณ แต่ถ้ามีสามัญสำนึก โดยเฉพาะ ส.ว. วันนี้ปวงชนชาวไทยมายืนตรงนี้แล้ว อยากให้รับฟังด้วย แต่ผมไม่คาดหวัง เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงออกไปนานแล้ว”
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า จะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ การต่อสู้ตามสถานการณ์ อยากให้พี่น้องที่ร่วมเดินกันมา ซึ่งเขาใจว่ากระบวนการมีหลายเจน บางท่านสู้จนเสียไปแล้ว บางท่านสู้ ปี 53-57 ในขบวนการประชาธิปไตย มีจังหวะก้าวเดินช้า-เร็ว แต่เป้าหมายเดียวกัน 3 ข้อเรียกร้องเหมือนเดิม ถนนนี้อาจมีบางซอยลาดยางมะตอย เป็นลูกรัง แต่เราต้องเดินไปด้วยกัน ด้วยการปรับกลยุทธ์ เราต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพทั้งหมด ล้างออกไปจากรัฐธรรมนูญ
ส่วนประเมินผลตอบรับข้อเรียกร้อง ทั้ง 3 ข้อที่หลายกลุ่มไม่เห็นด้วยทั้งหมด จะเดินต่อไปอย่างไรนั้น นายพริษฐ์กล่าวว่า เรื่องข้อ 3 พูดกันมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ทวด ในเมื่อผู้ชุมนุมตื่นรู้ เราจะไม่หลับตา และไม่พาผู้ชุมนุมหลับต่อ จะตื่นต่อไป อยากให้พี่น้องที่ร่วมสู้ จดจำความโหดร้ายในสมรภูมิที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะกระสุน นั่นคือความโหดร้าย
“เราต้องปรับตัวตามสถานการณ์ อย่าว่าแต่ม็อบ แก้มือก่อนยืนเฉย ๆ ยังจับ เราจึงต้องหากลยุทธ์ จากประสบการณ์หลายรุ่น มาหารือ หาแนวทาง แต่ไม่ว่ารุ่นไหน ถ้าเชื่อใน 3 ข้อเรียกร้อง เราสู้ไปด้วยกัน”
“อย่างไรผมเชื่อว่า ตอนนี้สถานการณ์ที่เกิด สะท้อนแล้วว่า ระบอบประยุทธ์เสื่อม แนวร่วมจะโค่นระบอบประยุทธ์ ปีที่แล้วเราปักธง ราษฎรยังยืนยันเพดานไม่กดเสรีภาพของตัวเอง แต่ปีนี้ยืนยันเอา พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปให้ได้ จะรื้อนั่งร้าน พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่าไม่เกินตุลา ดูจากสถานการณ์ความระส่ำ และกลุ่มที่เคยหนุน ก็ทำท่าจะอยู่ไม่ได้ ก็ดี ออกมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์ร่วมกัน
การที่เราออกมา คือตัวแทนของคนที่มีความคิดต่าง เราต้องรอให้ชนวนเดินไปตามสาย เป็นห่วงประชาชน ที่ต้องอยู่ภายใต้ระบอบประยุทธ์ เราจึงต้องขับไล่ เพื่อความผาสุกของประชาชนสยาม เราเป็นพันธมิตรกับทุกคน ที่เอา 3 ข้อ ตราบใดที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เราคือราษฎร เรารักษาจุดร่วม สงวนจุดต่าง แต่อย่างไรก็ตาม ราษฎรยืนหยัดการปฏิรูปสถาบันว่ายังเป็นสิ่งสำคัญ เราเสนอแนวทางอย่างนี้ ขอให้ประชาชนตัดสิน” นายพริษฐ์กล่าวทิ้งท้าย
“รุ้ง” ย้ำข้อเรียกร้อง ต้องแก้ได้ทุกหมวด-มาตรา
ขณะที่ นางสาวปนัสยา สิทธิ์จิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำราษฎรให้สัมภาษณ์กับสื่อผู้ชุมนุม ว่า วันนี้เราจะเข้าไปยื่นจดหมายเปิดผนึกในสภาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และประเด็นหลัก ๆ ในวันนี้คือ อยากสื่อสารเรื่องรัฐธรรมนูญ ตามข้อเรียกร้องของพวกเราอยากให้รัฐธรรมนูญต้องแก้ไขได้ทุกหมวดและทุกมาตรา และรวมรำลึกวันที่ 24 มิถุนา เพื่อนึกถึงการปฏิวัติสยาม และก็อยากให้ทุกคนนึกถึงการปฏิวัติประเทศไทยไปพร้อมกัน
นางสาวปนัสยา ระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับบรรยากาศวันนี้ รู้สึกอบอุ่น แม้ว่ากระแสจะบอกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมดูมีจำนวนน้อย แต่เรารู้สึกว่าคนเยอะอยู่ พร้อมทั้งเชื่อว่า มีปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ที่ทำให้คนมาไม่ได้ และหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมจุดนี้แล้ว ในเวลา 17.00 น. จะไปจัดกิจกรรมที่สกายวอล์ก ปทุมวันต่อ
“สิระ” ตัวแทนรัฐบาล รับจดหมายเปิดผนึก
จากนั้นมีตัวแทน ส.ส.จากฝ่ายค้าน และรัฐบาล อาทิ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทางออกมาจากรัฐสภา เพื่อมารับจดหมายเปิดผนึกจากแกนนำกลุ่มราษฎร ก่อนนายพริษฐ์จะเตรียมเข้าไปในสภา เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึก 89 ปีอภิวัฒน์สยาม
สำหรับรายละเอียดในจดหมายเปิดผนึกสรุปว่า เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันครบรอบ 89 ปีที่คณะราษฎรได้ก่อการอภิวัฒน์สยาม พ.ศ.2475 เริ่มต้นการปกครองระบอบประชาธิปไตย และก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญขึ้นเพื่อประกาศว่าอำนาจสูงสุดในประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย
ด้วยความสำคัญแห่งรัฐธรรมนูญที่คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดขึ้น ผองราษฎรทั้งหลายจึงได้ร่วมกันยื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ เพื่อสืบสาน รักษาและต่อยอดเจตนารมณ์คณะราษฎรที่ว่า “อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎร” มิใช่เพื่อผลประโยชน์ หรือความพึงพอใจของผู้มีอำนาจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น โดยราษฎรขอแสดงจุดยืนดังต่อไปนี้
1.รัฐธรรมนูญพึงเป็นของประชาชน การแก้ไขหรือร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่นั้น จะต้องกระทำผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร .) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด
2.รัฐธรรมนูญจะต้องไม่เป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจของเผด็จการประยุทธ์และคณะ บทบัญญัติใดที่เอื้อให้เกิดการสืบทอดอำนาจอย่างไม่เป็นประชาธิปไตย เช่น อำนาจของวุฒิสภาและองค์กรอิสระต่าง ๆ จะต้องถูกยกเลิก
3.การแก้ไขหรือร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่นั้น จะต้องร่างหรือแก้ได้ทุกหมวด ทุกมาตรา ไม่มีข้อยกเว้นรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ พึงเป็นสมบัติของราษฎรทั่วไป มิใช่ของส่วนตัวที่สงวน ให้ชนชั้นใดชนชั้นหนึ่ง การแก้ไข ปรับปรุง หรือจัดทำขึ้นจะต้องเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยและเจตจำนงของราษฎรหมู่มาก หากรัฐธรรมนูญฉบับใดมิได้ยึดโยงอยู่กับราษฎร และมิได้เคารพหลักการอำนาจสูงสุดเป็นของราษฎร ถือว่าเป็นอันใช้ไม่ได้ในฐานะรัฐธรรมนูญ
หลังจากตัวแทน ส.ส.จากฝ่ายค้าน และรัฐบาล รับจดหมายเปิดผนึกจากแกนนำกลุ่มราษฎร ได้มีผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามเข้ามาสอบถามและต้องการคำยืนยันจากนายสิระ ก่อนจะขว้างปาสิ่งของใส่ ทำให้การ์ดผู้ชุมนุมต้องมาช่วยกันและรีบพานายสิระวิ่งกลับเข้าไปในรัฐสภา
ทั้งนี้ เมื่อนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ปรากฏตัวบนเวทีของกลุ่มราษฎร ผู้ชุมนุมตะโกนไล่ด้วยความไม่พอใจ จนนายสิระลงจากเวทีหลังกล่าวจบ ผู้ชุมนุมบางส่วนเดินตาม ชู 3 นิ้วให้นายสิระ และโห่ร้อง
นายพริษฐ์ ได้ประกาศบนเวทีว่า ขอให้ทุกคนยึดหลักสันติ อหิงสา อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งยังคงเดินตามนายสิระ การ์ดผู้ชุมนุมพยายามยืนตั้งแถวคล้องแขน เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวาย กระทั่งสถานการณ์สงบ และกล่าวกับผู้ชุมนุมให้กลับมารวมตัวกันที่เวที
จากนั้น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์, น.ส.ปนัสยา สิทธิ์จิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ได้เข้าไปในรัฐสภา ซึ่งมีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.เพื่อไทย จังหวัดน่าน, นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รวมถึง ส.ส.อีกจำนวนหนึ่งได้เข้ามาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมทำพิธีมอบจดหมายเปิดผนึกอีกรอบ
เวลา 16.09 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, น.ส.ปนัสยา สิทธิ์จิรวัฒนกุล, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ราษฎร และตัวแทนฝ่ายข่าวราษฎร ออกมาจากรัฐสภาภายหลังหารือแล้วเสร็จ
ไผ่ : “นิมิตหมายอันดี”
นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ได้ปราศัยภายหลังการออกจากรัฐสภาว่า ว่า เราเป็นตัวแทนเข้าไปพูดข้างในถึงหลักการรัฐธรรมนูญของประชาชน ที่ต้องมาจาก ส.ส.ร.และควรแก้ได้ทุกหมวด ทุกมาตรา เบื้องต้น พรรคการเมืองรับหลักการจะนำไปปฏิบัติ
“วันนี้ที่เราต้องจับตาคือตัดกลไก ส.ว. แต่สิ่งที่จำเป็นจริง ๆ คือการเมืองบนถนนและรัฐสภา ข้างนอกเป็นอย่างไร ข้างในมีผล และเราจะกดดันกว่านี้ ส่งเสียงเราเข้าไปในรัฐสภา เราจึงยืนยัน 3 ข้อ รัฐธรรมนูญประชาชน ปลดกลไก ส.ว. และแก้ไขได้ทุกมาตรา และพรรคการเมืองรับไป เป็นนิมิตหมายอันดีที่เราเห็นตรงกันว่ารัฐธรรมนูญติดปัญหา ไปไม่ได้เพราะ ส.ว.”
“นี่คือการยืนยันจุดยืนของเรา เป็นแค่วันแรกที่เราออกมาปักหมุดทางความคิด วันนี้เราได้ปักไปแล้ว สิ่งต่อไปที่จะทำคือ ทำให้จริงจังมากขึ้น ต้องกดดันมากกว่านี้เพราะจะมีผลต่อรัฐสภา สิ่งที่เราทำวันนี้ ตั้งแต่ย่ำรุ่ง และเดินมารัฐสภา เสียงพวกเราได้ถูกรับฟังแล้ว ฉะนั้น ส.ว.ออกไป”
จากนั้นประชาชนร่วมกันตะโกน “ส.ว. 250 ออกไป”
เวลา 16.20 น. ประชาชนร่วมกันเก็บขยะ โดยบางส่วนทยอยเดินทางไปยังจุดนัดหมายสกายวอล์ก แยกปทุมวัน
ราษฎร ไล่โห่ “ตำรวจ”
เวลา 17.15 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ย้ายสถานที่จัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475 มายังบริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน ทั้งนี้มี พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน ได้อ่านประกาศให้ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ที่จัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475 ทราบว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ทำให้ผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณดังกล่าวต่างส่งเสียงโห่ไล่
ภายหลัง ผกก.สน.ปทุมวัน อ่านประกาศจบ นายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย ประกาศตอบโต้กลับว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 89 ปี อภิวัฒน์สยาม การเปลี่ยนแปลงการปกครองไทย 2475 โควิดครั้งนี้ไม่อาจหยุดยั้งการต่อสู้ของราษฎรได้ จึงขอประกาศให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปฏิบัติตามคำสั่งของราษฎร และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เดินกลับไปอย่างสันติ
บุคคลที่ขึ้นปราศรัยคนแรก คือ น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือตี้ พะเยา โดยเธอระบุว่าแม้การปราศรัยวันนี้จะทำให้ตนเองถูกถอนประกันตัว แต่ก็พร้อมที่จะต่อสู้ไปกับผู้ชุมนุมทุกคน
เวลา 18.50 นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ วงเดอะบอตทอมบลูส์ ปรากฏตัวพร้อมเพลงเมดอินไทยแลนด์ พร้อมเล่าการขับเคลื่อนเสียงเพลงในเรือนจำ ค่อนข้างถูกจำกัดสิทธิ์ สิ่งหนึ่งที่ผู้คุมในเรือนจำกลัว คือการที่ตนจับกีตาร์ เวลาที่จับกีตาร์จะมีคนขอเพลงเก็บรัก ต่อด้วยเพลง 12345 i love you จากคนฟังเพียงหลักสิบ เริ่มเป็นหลักร้อย ทำให้ผู้คุมจำเป็นต้องสลายการชุมนุมของนักโทษ
เวลา 19.20 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร ขึ้นปราศรัยว่า หายไปผจญภัยมา 4 เดือน แต่ยังมั่นใจในหัวใจของทุกท่านว่าแม้ไม่ได้พบกัน แต่หัวใจที่รักประชาธิปไตยของทุกคนยังเหมือนเดิม ขอออกตัวว่าวันนี้ลีลาปราศรัยอาจไม่ได้ดึงดัน เนื่องจากยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ แต่การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป
“24 มิถุนายน วันครบรอบอภิวัฒน์สยาม เป็นเวลา 89 ปี ยังเป็นวันสำคัญของพี่น้องที่เรียกตนเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย วันนี้คือวันชาติของเรา วันของประชาชน เป็นเรื่องน่าสลดของประชาชน ที่เราอภิวัฒน์มา 89 ปี แต่ทำไมประเทศไทยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คณะราษฎรต้องต่อสู้เพื่อทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาให้ประชาชนฉันใด วันนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังเป็นรัฐบาล 84,000 เซลล์ฉันนั้น”
นายพริษฐ์ เชื่อว่า ในรุ่นของเราจะมีประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ให้ดวงวิญญาณของคณะราษฎรที่อยู่บนสวรรค์ได้เห็น ดังนั้น การต่อสู้ยังต้องดำเนินต่อไป ปีที่แล้วเราตั้งธงการเปลี่ยนแปลง กระโจนลงไปตั้งคำถาม พยายามจะแก้โจทย์ที่คณะราษฎรตั้งไว้เมื่อ 89 ปีที่แล้ว วันนี้เราได้ธงคำตอบว่าต้องวางข้อเสนอ 3 ข้อ และต้องต่อสู้จนกว่าข้อเสนอจะบรรลุความเป็นจริง
นายพริษฐ์ กล่าวในตอนท้ายระบุว่า ปีนี้เราตั้งเป้าหมายภายใน 2-3 เดือน จะต้องไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้ได้ ถ้าวันนี้ทุกท่านลงความเห็นตรงกันว่าราษฎรยังยืนยันเดินหน้าขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ปีนี้จะต้องเป็นปีแห่งประชาชน การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน จังหวะนี้ถือว่าดีที่สุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน เราต้องช่วยกันขับไล่ นี่เป็นการปฏิญาณครั้งแรกหลังออกจากเรือนจำ จะให้ตนอดอาหารนานกว่านี้ก็ยังได้ แต่ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพต้องออกไป
เวลา 19.45 น. ผู้ชุมนุมได้ร่วมกันเปิดไฟอ่านประกาศของคณะราษฎร 2475 และ 3 ข้อเรียกร้องของราษฎร ฯลฯ บนกำแพงหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ยุติการชุมนุม
เวลา 20.20 น. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ขึ้นปราศรัยว่า การต่อสู้ของพวกเขายังไม่สิ้นสุด ทำให้พวกเราต้องมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ ในเส้นทางการต่อสู้ต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง เราอาจจะถูกกักขัง ด่าทอ เพราะเรามีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้เราผ่านกันมาแล้ว แต่ว่าทุกคนต่างมีฝัน เราคาดหวังอยากเห็นตนเองในประเทศนี้เป็นอย่างไร ถ้าเราทุกคนต่างมีฝัน เราก็น่าจะมาทำฝันนั้น ให้เป็นจริงไปพร้อมๆ กัน
น.ส.ปนัสยากล่าวว่า แต่เราไม่ใช่ผู้มีอำนาจ อภิสิทธิ์ชน สุดท้ายแล้วเราคือประชาชนคนหนึ่ง จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในประเทศได้ จากการออกมาพูดว่าคิดเห็นอะไร นี่แหละคือการขับเคลื่อนของทุกคน และการต่อสู้จะเดินหน้าต่อไปได้ หากเรายึดมั่นและคงไว้ซึ่งหลักการ ใช้สมองและร่างกายอันเปี่ยมล้นออกมาขับเคลื่อนสังคม ด้วยวิธีการใดก็ตาม มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีสิ้นสุดในกระบวนการประชาธิปไตย
“ขอบอกทุกคนว่าอย่าท้อ หลายคนอาจตั้งคำถามว่าม็อบอาจลดลงจากปีที่แล้ว แต่สุดท้ายอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ การต่อสู้อาจไปช้าแต่มั่นคง วันนี้ครอบรอบ 89 ปี ครบรอบการอภิวัฒน์สยาม การต่อสู้ของเรายังไม่สิ้นสุด
“ขอให้วันนี้เป็นหมุดหมายเพื่อยืนยันว่าเราจะยังต่อสู้เพื่อให้ 3 ข้อเรียกร้อง คือ1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพ ต้องออกไป 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องแก้ได้ทุกหมวด ทุกมาตรา และมี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และ 3.ปฏิรูปสถาบัน” น.ส.ปนัสยากล่าว
ในตอนท้าย น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า สุขสันต์วันชาติ ขอให้ทุกคนต่อสู้ไปด้วยกัน ถึงจะช้าแต่มีความหวังอยู่ตรงหน้า และสุดท้ายเราจะชนะไปด้วยกัน จกานั้นแกนนำได้ประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 20.30 น.
ล่ารายชื่อ รี-โซลูชั่น ได้ 7 หมื่นชื่อ
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ แกนนำคนสำคัญของกลุ่ม รี-โซลูชั่น (Re-Solution) ได้มาตั้งเต็นท์รณรงค์โครงการ “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” เพื่อล่ารายชื่อประชาชนสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรารื้อระบอบสืบทอดอำนาจ คสช.
นายปิยบุตรเปิดเผยว่า ขณะนี้มีประชาชนจากทั่วประเทศที่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญของกลุ่มรี-โซลูชั่น และได้ลงชื่อสนับสนุนแล้ว จำนวน 7 หมื่นคน คาดว่าอีกไม่นานจะสามารถทะลุหลักแสนตามที่ได้วางเป้าหมายไว้ เพราะกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นอยู่ในรัฐสภาขณะนี้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรานี้ จะสามารถเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภาได้ภายในปีนี้
นายกฯ หนีม็อบ ออกจากทำเนียบฯ
ความเคลื่อนไหวจากทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (24 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจภายในตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.45 น. โดยภารกิจของนายกฯ ในช่วงเช้าให้การต้อนรับเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ที่เข้าอำลาในโอกาสพ้นหน้าที่ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า
จากนั้น เวลา 11.40 น. สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯหันมาโบกมือให้สื่อผู้ชุมนุม ทั้งนี้คณะทำงานนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งว่านายกรัฐมนตรีมีภารกิจข้างนอก และยังไม่แน่ชัดว่าจะเดินทางกลับมายังทำเนียบรัฐบาลอีกหรือไม่
ขณะที่สำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งขอความร่วมมือสื่อผู้ชุมนุมงดบันทึกภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในทำเนียบรัฐบาล รวมถึงขอความร่วมมือสื่อผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมโดยรอบทำเนียบฯ
คาราวาน “รามคำแหง” มุ่งหน้าสู่…ทำเนียบรัฐบาล
ขณะที่ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย เป็นอีกกลุ่มที่เข้าร่วมการชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ด้วย โดยประกาศรวมตัวบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยมีการเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมขบวนเพื่อเคลื่อนย้ายมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล
มติชนรายงานว่า “เบนซ์” สมาชิกเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่า วันนี้ 24 มิถุนา เพื่อประชาธิปไตย 89 ปีของการเปลี่ยนการปกครอง ในเมื่อเราเห็นว่าประชาธิปไตยในประเทศนี้ไร้คุณภาพ ไม่มีประโยชน์ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย จะรวมตัวเพื่อสมทบกิจกรรมหน้าทำเนียบรัฐบาล และพวกเรารามคำแหงจะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนทุกคนในการต่อสู้ครั้งนี้
ต่อมามีการผลัดกันปราศรัยโดยสมาชิกกลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย มีเนื้อหาโดยสังเขปว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาประเทศถูกแซกแซงด้วยอำนาจเผด็จการ ด้วยอำนาจของทหารมาโดยตลอดปี เราทนไม่ไหวจึงต้องออกมาไล่ในครั้งนี้
ตรึงกำลัง-ตั้งตู้คอนเทนเนอร์-ขึงลวดหนาม รอบทำเนียบ
สำหรับบรรยากาศโดยรอบทำเนียบรัฐบาลนั้น เจ้าหน้าที่ได้มีการนำตู้คอนเทนเนอร์ มาตั้งซ้อนเป็น 2 ชั้น ขึงลวดหนามกั้น ข้างสะพานชมัยมรุเชฐ พร้อมตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก บรเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับมือกลุ่มผู้ชุมนุม “แกนนำไทยไม่ทน-สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” นำโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่นัดรวมตัวปักหลักบวิเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้ เวลาประมาณ 12.00 – 16.00 น. เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม เวลา 15.20 น. ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตำรวจได้เข้าทำการเจรจากับ “กลุ่มไทยไม่ทน” เพื่ออำนวยความสะดวกในการปิดช่องทางการจราจร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเบื้องต้นจะตำรวจจะทำการปิดเส้นทางจราจรถนนนครสวรรค์บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ
เวลา 15.20 น. ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตำรวจเข้าเจรจากับกลุ่มไทยไม่ทน เพื่ออำนวยความสะดวกในการปิดช่องทางการจราจร เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการปิดเส้นทางจราจรถนนนครสวรรค์ บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ
เวลา 15.40 น. กลุ่มไทยไม่ทน นำรถ 6 ล้อ จอดขวางถนนเรียบร้อย หลังตำรวจประสานอำนวยความสะดวกให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ถนนราชดำเนินตรงบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศได้ปิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้มีกลุ่มนักกิจกรมมอื่น ๆ เข้าสมทบ อาทิ กลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มแดงราษฎร 4 ภาค เป็นต้น หลังจากปิดถนนแล้ว กลุ่มไทยไม่ทนเริ่มบรรเลงเพลงระหว่างรอผู้ชุมนุมเดินทางมาร่วมชุมนุม
ผบก.น.1 ชี้ “ไทยไม่ทน” ค้างคืนไม่ได้
มติชนรายงาน เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผบก.น.1 ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจากับกลุ่มไทยไม่ทนว่า ได้แจ้งกับผู้ชุมนุมว่าขณะนี้ยังอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ขอให้ชุมนุมกันอย่างสร้างสรรค์ พร้อมทั้งแจ้งกับทางผู้ชุมนุมแล้ว ว่าอย่าให้กระทบประชาชน ต้องชุมนุมอย่างสร้างสรรค์ ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน
พร้อมระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่สามารถปักหลักค้างคืนได้ อะไรที่กระทบต่อประชาชนทำไม่ได้ และต่อจากนี้จะมีการแก้ไขปัญหาการจราจรเพื่อให้ประชาชนกลับบ้านอย่างมีความสุข หากมีการทำอะไรก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ไทยไม่ทน : เริ่มปราศรัยโจมตี “รัฐบาล”
เวลา 16.25 น. กลุ่ม “ไทยไม่ทน” เริ่มกล่าวปราศรัย โดยมีนายธนชาติ ไชยทองพันธ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร พรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ขึ้นกล่าวเป็นคนแรกว่าที่ยืนยันว่าประชาชนจะไม่ทนต่อการบริหารงานแบบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อีกต่อไป เพราะ ตลอดเวลา 7 ปี ประชาชนอยู่ด้วยความอดทน มีแต่ความล้มเหลวโดยเฉพาะการแก้ปัญหาโควิด-19 แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรดีขึ้น วันนี้ทุกคนมารวมกันแบบไม่มีสี ทุกคนต้องการเปล่งเสียงไล่รัฐบาล ปกครองด้วยบุคคลเดียว เอาแต่พวกพ้อง ไม่นึกถึงประชาชน เราต้องการรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
ตามด้วย นายเสกสืบพงษ์ วงศ์สมัคร ตัวแทนเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีการทำงานไร้ประสิทธิ์ภาพ ไร้ความคิดทวงแต่พวกพ้องไม่เห็นหัวประชาชน สถานการณ์โควิดย่ำแย่ลงทุกวัน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่สถานการณ์การติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเป็นหลักหมื่นแน่นอน เราทุกคนจึงจะไม่ทนก็ไม่ยอมให้มาบริหารประเทศอีกต่อไป เราขอเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนเราเป็นเจ้าของประเทศจึงจะไม่ยอมเห็นใครก็ตามที่ทำให้ประเทศด้อยพัฒนา พล.อ.ประยุทธ์กำลังทำให้บ้านของพวกเราไม่น่าอยู่ ไม่เห็นหัวประชาชน เห็นแต่พวกพ้องของตัวเอง โควิด-19 ไม่ต่างอะไรกับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตที่บ่อนทำลายประเทศไทยเหมือนเชื้อโรค วันนี้เรามาทวงคืนความเจริญของประเทศไทย 7 ปี พอแล้ว ไม่อยากเห็นปีที่ 8 ประยุทธ์ต้องออกไป
ขณะที่ ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือหมู่อาร์ม สมาชิกไทยไม่ทนฯ ปราศรัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้ทหารมีการทุจริตคอรัปชั่น มีการซื้อเรือดำน้ำ เครื่องบิน เห็นประชาชนเป็นเบี้ย ทาสและไพร่ เราต้องการขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ออกไป เพราะที่ผ่านมาโกหกประชาชนเรื่องที่จะสร้างความปรองดองและคืนความสุขให้กับประชาชนแต่เจ็ดปีแล้วไม่สามารถทำอะไรได้เลย กู้เงิน 1 ล้านบ้าน มาไม่พอยังกู้มาอีก 5 แสนล้าน ล่าสุดกองทัพเรือก็กำลังจะสร้างแฟลตให้กำลังพลอยู่ และให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยไปอยู่ข้างนอก โดยนำเงินมาขอเบิกกู้เงินให้กับกำลังพล ขณะที่สถานการณ์โควิดกำลังรุนแรงรัฐบาลทำได้อย่างไรเช่นนี้
ตู่ ยันไปทำเนียบฯ ไล่ “ตู่” แน่
เวลา 16.30 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ตั้งกลุ่มไทยไม่ทน ได้เดินทางมาถึงบริเวณที่ชุมนุม พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนตามรายงานของมติชนว่า การชุมนุมครั้งนี้ยังเป็นไปตามแผนเดิม โดยจะเคลื่อนไปที่ทำเนียบรัฐบาลแน่นอน โดยใช้เส้นทางถนนนครสวรรค์ ผ่านแยกนางเลิ้ง เลี้ยวซ้ายถนนพิษณุโลก ไปที่ทำจะเนียบรัฐบาล
นายจตุพรกล่าวต่อว่า เว้นแต่จะมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ส่วนจะเคลื่อนขบวนเมื่อไหร่ ต้องรอดูที่หน้างาน และจะถามความเห็นของมวลชนก่อนตัดสินใจ ที่เห็นตอนนี้ยังมากันไม่มากเนื่องจากวันนี้เป็นวันทำงาน ประชาชนอยู่ระหว่างการเดินทาง
“ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ใช้พื้นผิวจราจรชุมนุม ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องทำหน้าที่ของเขา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีสิทธิ์ที่จะให้ใช้หรือไม่ให้ใช้ และเมื่อเคลื่อนขบวนถึงทำเนียบแล้ว จะใช้เวลาทำกิจกรรมอยู่นานแค่ไหน ต้องปรึกษาหารือกับแกนนำคนอื่น ๆ ก่อน เนื่องจากการชุมนุมในวันนี้เป็นการวัดใจ และพิสูจน์ประชาชนว่ามีความพร้อมกันขนาดไหน เพราะไม่ได้ใช้วิธีระดมพลมา ประชาชนพร้อมตอนไหนก็มาตอนนั้น”
เวลา 18.00 น. กลุ่มไทยไม่ทนมีกิจกรรมให้ประชาชนร่วมลุกขึ้นยืน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) หลังจากนั้นได้ประกาศเจตนารมณ์
นายจตุพรกล่าวว่า จะไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อไล่ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมปราศรัยเพิ่ม ไม่ว่าจะถูกสกัดกี่ครั้งก็จะใช้สันติวิธี
เวลา 18.20 น. ผู้ชุมนุมเริ่มตั้งขบวนและเริ่มเดินสู่ถนนนครสวรรค์ ตำรวจได้เข้าเจรจากับนายจตุพร หลังจากเจรจาสักครู่ นายจตุพรได้กล่าวว่า รอไม่กี่นาทีให้ได้เคลียร์ถนนเพื่อให้สะดวกในการเดินและยืนยันใช้สันติวิธี ให้รออีกสักครู่ และเราจะสู้กันตามเจตนารมณ์ของเรา
เวลา 18.30 น. ขบวนไทยไม่ทนได้เริ่มเคลื่อนขบวนไปสู่ทำเนียบรัฐบาล
ข่าวสดรายงานผ่านทวิตเตอร์ เมื่อเวลา 18:53 กลุ่มไทยไม่ทนของนายจตุพร ได้หยุดอยู่ที่แยกนางเลิ้ง เพื่อรอเข้าสมทบกับกลุ่มสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยของนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา ที่แยกพาณิชยการ
กลุ่มนายจตุพร หยุดอยู่ที่แยกนางเลิ้ง รอเข้าสมทบกับกลุ่มของทนายนกเขา ที่แยกพาณิชยการ #ม็อบ24มิถุนา pic.twitter.com/EwaJAMXY61
— ข่าวสด (@KhaosodOnline) June 24, 2021
ขณะที่ทวิตเตอร์ของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ ได้รายงานว่า เมื่อ 18.48 น. ผู้ชุมนุม “ไทยไม่ทน” เดินทางมาถึงถนนพิษณุโลก เข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เกาะกลางถนนแบ่งเขตการยืนกับผู้ชุมนุม “ประชาชนคนไทย” นำโดยทนายนกเขาที่ปักหลักมาก่อน ทำให้ขณะนี้มีผู้ชุมนุมจำนวน 2 กลุ่ม กำลังเผชิญหน้ากับตำรวจควบคุมฝูงชน ที่กำลังป้องกันไม่ให้เข้าทำเนียบรัฐบาล
18.48 ผู้ชุมนุม “ไทยไม่ทน” นำโดยจตุพร มาถึงถนนพิษณุโลก ใกล้ทำเนียบ โดยใช้เกาะกลางถนนแบ่งเขตการยืนกับผู้ชุมนุม “ประชาชนคนไทย” นำโดยทนายนกเขาที่ปักหลักมาก่อน
เท่ากับมีผู้ชุมนุมสองกลุ่ม กำลังเผชิญหน้ากับตำรวจควบคุมฝูงชน ที่ป้องกันไม่ให้เข้าทำเนียบ#ม็อบ24มิถุนา pic.twitter.com/ZsSROzGanN
— iLawFX (@iLawFX) June 24, 2021
ถึงสะพานชมัยมรุเชฐ
จากนั้น กลุ่มไทยไม่ทนได้เดินทางมาถึงสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล แต่ขณะเดียวกันไม่สามารถข้ามสะพานเพื่อไปบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลได้ ด้านกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้ตั้งกำลังเพื่อป้องกันแนวและรถ แล้วได้ประกาศขอเจรจากับการ์ดของผู้ชุมนุม ซึ่งนายจตุพร พรหมพันธุ์ ขอปักหลักรอดูสถานการณ์ที่นางเลิ้ง รอกลุ่มทนายนกเขาเจรจากับเจ้าหน้าที่ ก่อนพร้อมสมทบ
ทีมทำเนียบฯ ยุติการชุมนุม!
เวลา 19.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ แยกพาณิชยการ หน้าประตูทางเข้าที่ 1 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ที่มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่นเป็นแกนนำ และกลุ่มประชาชนคนไทย ที่มีนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขาเป็นแกนนำ โดยมีผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่ม ประมาณ 200 คน เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมลาออก โดยมีตำรวจควบคุมฝูงชนเข้ารักษาการณ์สถานที่สำคัญประมาณ 3,000 คน
หลังจากชุมนุมมานานกว่า 4 ชั่วโมง จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น. นายจตุพรได้ประกาศบนเวทีให้ผู้ชุมนุมแยกย้ายกันกลับบ้าน เนื่องจากได้รับการข่าวว่าจะมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ และนัดชุมนุมใหม่อีกครั้งในวันที่ 26 มิถุนายน 2564 เวลา 16.00 น.ที่สะพานผ่านฟ้า
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าว การที่ได้เดินมาถึงจุดนี้และเรากำลังจะต่อสู้กับพวกหินชาติ พวกตนเคยปราบมือกับพวกนี้มาก่อนย่อมรู้ดีว่าใครมีการวางแผนอย่างไร ตนได้โทรศัพท์หารือกับทนายนกเขา ซึ่งอยู่ในทัพหน้า แม้ในอดีตมีความเห็นต่างกันแต่บัดนี้พวกเราต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้เราร่วมสู้ไปด้วยกัน
นายจตุพรกล่าวต่อว่า การต่อสู้ของพวกเราต้องการชัยชนะไม่ต้องการความสะใจในการต่อสู้ ทัพหน้าเห็นวิชามารของรัฐบาลชุดนี้ จึงได้ยุติและนัดใหม่ในวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน วันนี้เรามาจำนวนมากในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากพอที่จะทำแผนฟ้าทะลายโจรจัดการระบอบ พล.อ.ประยุทธ์ เรามองเห็นว่าประยุทธ์คือภัยคุกคามที่แท้จริงของประชาชนและประเทศไทย และตอนนี้มีพวกที่กำลังเตรียมการสร้างสถานการณ์เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เราพักหนึ่งวัน วันที่ 26 มิถุนายน เวลา 16.00 น. พบกันที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ
“ขอให้มากันมากกว่าเดิม มากพอที่จะล้ม พล.อ.ประยุทธ์ได้ วันนี้เราไม่ได้ถอย แค่เราไม่อยากให้คนโง่มาสร้างสถานการณ์ เราต้องใช้สมองสู้ เราจะมาใหม่ และมากันจนกว่า พล.อ.ประยุทธ์จะลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนที่อยู่บ้านออกมาร่วมกันไล่ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเราสู้กันเป็นทีมสู้เพื่อประเทศไทย”
ขณะที่กลุ่มของทนายนกเขาประกาศชุมนุมค้างคืนที่ทำเนียบรัฐบาล บริเวณแยกนางเลิ้ง เพื่อรอพบพล.อ.ประยุทธ์ อย่างไรก็ตามทนายนกเขาประกาศยุติการชุมนุมและนัดชุมนุมใหม่ในวันที่ 26 มิถุนายน 2564 อีกครั้ง