จากฝนที่ตกลงมาปริมาณมาก ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต้องเพิ่มการระบายน้ำ ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านจังหวัดลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร เพิ่มสูงขึ้น
จากฝนที่ตกลงมาปริมาณมาก ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต้องเพิ่มการระบายน้ำ ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านจังหวัดลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร เพิ่มสูงขึ้น
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง แจ้งเตือน 6 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี รวมถึงกรุงเทพมหานคร ให้เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังวันที่ 27 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทานว่า ในช่วงวันที่ 15 – 21 สิงหาคมที่ผ่านมา มีฝนตกหนักในพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำป่าสักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น และจากการคาดการณ์ปริมาณฝน ในช่วงวันที่ 24 – 30 สิงหาคม นี้ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำท่าไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กว่า 133 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ปริมาตรน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำ จึงต้องเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอัตราวันละ 34.56 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็น 43.20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคมเป็นต้นไป
โดยเมื่อน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำจากคลองชัยนาท – ป่าสักแล้ว จะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตราไม่เกิน 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหก อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนถึงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 1 เมตร ถึง 1 เมตร 50 เซนติเมตร เมื่อไปรวมปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จะส่งผลให้ระดับน้ำที่ไหลผ่านพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร เพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม เป็นต้นไป
ประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และ สามารถแจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ภาพ TNNONLINE