ตำรวจประเมินม็อบเริ่มแผ่ว อ้างเหตุทะลุแก๊สสร้างสมรภูมิรบดินแดงรายวัน ชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ขณะที่ 5 แนวร่วม ปชต.ดิ้นยื่นหนังสือศาลอาญา จี้ปล่อยตัว 7 แกนนำ ด้านราชทัณฑ์เปิดแนวรบเฟกนิวส์ทันควัน หลังกระฉ่อนเพนกวินโดนผลักล้มหัวฟาด ซัดกลับแกนนำสามนิ้วขัดขืนไม่ยอมกลับเรือนจำ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
เมื่อวันศุกร์ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวว่า วันนี้พบมีการนัดหมายชุมนุมหลักๆ คือ กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ทำกิจกรรมคาร์ม็อบ ในเวลาประมาณ 11.30 น. จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปสิ้นสุดที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และกลุ่มทะลุแก๊ส บริเวณแยกดินแดง ซึ่งย้ำว่าการชุมนุมในลักษณะเสี่ยงต่อโรคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยตำรวจจะไม่สกัดกั้นการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ หากไม่มีการกระทำที่เสี่ยงต่ออันตราย หรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ส่วนการชุมนุมเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา บริเวณแยกดินแดง ยังพบมีการก่อความวุ่นวาย ขว้างปาระเบิดปิงปอง ประทัดยักษ์ พลุเพลิง และวางเพลิงจุดต่างๆ ซึ่งตำรวจจะรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีทุกคนต่อไป และจากการประเมินสถานการณ์ คาดว่าการชุมนุมบริเวณแยกดินแดงจะทรงตัวต่อไปอีกระยะ หลังพบแนวโน้มจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมลดลง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อความวุ่นวายดังกล่าว
“ขณะที่ภาพรวมการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 199 คดี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 701 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 456 คน ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ชุมนุมอีก จำนวน 107 หมาย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” พล.ต.ต.ปิยะระบุ
รอง ผบช.น.ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีตำรวจขับรถกระบะชนกลุ่มผู้ชุมนุม แล้วลงมาทำร้ายซ้ำ จนทำให้บุคคลดังกล่าวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงคือ หนึ่งในผู้ชุมนุมได้หลบหนีระหว่างการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ แล้วหกล้มได้รับบาดเจ็บ โดยยังไม่เสียชีวิต ขณะนี้ได้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ และมีอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่กลับพบว่ามีการนำข้อมูลไปบิดเบือน สร้างความเข้าใจผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งทั้งผู้ที่โพสต์และแชร์ข้อความดังกล่าวจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากกรณีมีภาพคนขับรถแท็กซี่ขนยางรถยนต์มาสนับสนุนการก่อความวุ่นวายบริเวณแยกดินแดงนั้น ขณะนี้ตำรวจพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้แล้ว ซึ่งจะมีการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป เช่นเดียวกับผู้ส่งเสริม สนับสนุน หรือยุยงปลุกปั่นให้มีการชุมนุม หรือก่อความวุ่นวายในพื้นที่ดังกล่าว ที่จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
วันเดียวกัน น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีหนังสือ ลงวันที่ 10 กันยายน 2564 แจ้งข้อเสนอแนะในการแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิเด็ก รวมถึงการปกป้อง คุ้มครองสิทธิ และความปลอดภัยของเด็กในสถานการณ์การชุมนุม (กรณีสามเหลี่ยมดินแดง) ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยระบุใจความว่า สิ่งที่สังคมคาดหวังและควรร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นจริงคือ พื้นที่ทางสังคมการเมืองที่ปลอดภัย ซึ่งอาจดำเนินการได้ด้วยการเปิดพื้นที่เจรจากรณีการชุมนุมที่เกิดขึ้นระหว่างหน่วยงานของรัฐและกลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่ายอย่างสันติ สร้างสรรค์ และเปิดใจรับฟังกันและกัน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ประกอบด้วย เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี, แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, ทะลุฟ้า, 24 มิถุนาประชาธิปไตย และเฟมินิสต์ปลดแอก ได้จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ “ยืน หยุดขัง” โดยเริ่มนัดหมายจุดเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และจะมีการยื่นหนังสือถึงศาลอาญารัชดา เพื่อเรียกร้องคืนสิทธิการประกันตัวนักกิจกรรมทางการเมือง อาทิ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า แกนนำราษฎรมูเตลู, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง, นายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย, นายณัฐชนน ไพโรจน์ หรือณัฐ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน แกนนำกลุ่มทะลุฟ้า ซึ่งถูกขังเป็นเวลากว่า 30 วัน และนายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน โดยมีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นแกนนำในการจัดกิจกรรม
ต่อมาเวลา 13.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางมาถึงหน้าศาลอาญารัชดา โดยได้ปิดการจราจรเหลือ 1 ช่องทางรถ นอกจากนี้ยังได้นำป้ายผ้ามาติดไว้บนสะพานลอย รวมถึงโปรยกระดาษลงจากสะพานลอย ที่มีข้อความว่าปล่อยเพื่อนเรา
ด้านนายสมยศกล่าวว่า รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่าจะคุมขังไม่ได้ เว้นแต่เพียงว่ามีพฤติกรรมหลบหนี แต่เนื่องจากแกนนำราษฎรไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี ไม่มีเหตุอื่นเลยที่คุมขังพวกเขา เขาควรได้รับสิทธิการปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อ ห้เขาต่อสู้คดี ถ้าเขาถูกขังอยู่จะเรียกความยุติธรรมไม่ได้ นอกจากนี้พวกเขาโดนด้วยข้อหาคดีการเมืองอันเนื่องมาจากการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่อาชญากรรม โดยเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐกับราษฎร ดังนั้นกระบวนการยุติธรรมต้องได้รับสิทธิเสรีภาพ
จากนั้นตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าไปในศาลอาญารัชดาเพื่อยื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา หลังจากนั้นเวลา 14.15 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเสร็จสิ้นภารกิจที่ศาลอาญารัชดา โดยผู้ชุมนุมได้เดินทางต่อไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อจัดกิจกรรมหน้าเรือนจำ
ต่อมาเวลา 14.40 น. กลุ่มคาร์ม็อบนำโดยแนวร่วมคนรุ่นใหม่นนทบุรีได้เดินทางมาถึงหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ฝั่งประตูทางเข้าฝั่งเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน โดยได้มีการปิดถนนไว้เหลือเพียงแค่ 1 ช่องทางจราจร ในส่วนกิจกรรมเพิ่มเติม ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำนกพิราบ จำนวน 6 ตัว มาปล่อยหน้าประตูเพื่อแสดงออกเชิงเสรีภาพ รวมถึงตีกลองเพื่อให้เสียงกลองดังไปถึงข้างในเรือนจำ หลังจากนั้นในเวลา 15.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยุติการชุมนุม และนัดหมายชุมนุมครั้งต่อไปในวันพรุ่งนี้ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อเฝ้ารอการประกันตัว นายชาติชาย แกดำ นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า นายณัฐชนน ไพโรจน์ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ในเวลา 11.00 น. โดยเริ่มเคลื่อนขบวนที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ในเวลา 10.00 น.
วันเดียวกัน นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ขอชี้แจงถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อโซเชียลว่า เพนกวินถูกผู้คุมกว่าสิบคนผลักล้มหัวฟาดพื้น โดยระหว่างที่จะพาตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ออกจากโรงพยาบาลในช่วงที่ทนายกำลังจะเข้าเยี่ยม เพนกวินจึงขอรอพบทนายก่อน แต่ผู้คุมไม่ยอม ผู้คุมกว่าสิบคนเข้ามาล็อกตัวและพยายามลากเพนกวินออกไป ทั้งยังผลักเพนกวินล้มหัวฟาดพื้น โดยมี บอย-ธัชพงศ์ แกดำ ที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามเข้าไปช่วย แต่กลับโดนผู้คุมใช้กำลังพร้อมกับด่าว่า อย่าเสือก
นายธวัชชัยระบุว่า จากกรณีดังกล่าว กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานข้อเท็จจริงจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ ทีมแพทย์และพยาบาลของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้เข้าตรวจร่างกายผู้ต้องขังทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายภาณุพงศ์ จาดนอก และนายชาติชาย แกดำ โดยอาการทั่วไปปกติดี และแพทย์ได้ลงความเห็นว่าหายจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว
นายธวัชชัยระบุว่า จากนั้นนายพริษฐ์ และเพื่อนได้โต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ แสดงออกถึงความไม่ต้องการที่จะถูกส่งตัวกลับไปยังเรือนจำปกติ ซึ่งเจ้าตัวไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่อธิบายรายละเอียดถึงความจำเป็นและนำรถเข็นมารับ แต่นายพริษฐ์ก็ยังใช้กำลังขัดขืนไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าพนักงานเรือนจำจึงได้ช่วยกันคุมตัวนายพริษฐ์ขึ้นรถเข็นโดยไม่มีการทำร้ายร่างกายตามที่มีการกล่าวอ้าง ต่อมานายพริษฐ์ได้เข้าพบทนายตามปกติ
นายธวัชชัยระบุว่า จากนั้นในเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องขังทั้ง 3 ราย ส่งตัวกลับไปคุมขังยังเรือนจำอำเภอธัญบุรี โดยขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่แดน 2 ห้องควบคุม 3/6 ที่ได้มีการฆ่าเชื้อทำความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นห้องเดียวกับนายพรหมศร ธรรมจารี โดยทั้งหมดต้องถูกแยกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อสังเกตอาการผู้ที่หายจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมมีทีมแพทย์พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด
นายธวัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องขังทั้งหมดมีสุขภาพร่างกายปกติดี มิได้เกิดเหตุการณ์ตามที่เป็นข่าว และไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดผลักให้นายพริษฐ์ล้มศีรษะฟาดพื้นตามที่กลุ่มทางการเมืองสร้างกระแสข่าวแต่อย่างใด จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน พร้อมทั้งขอยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง.