ที่สำนักงานทนายรัชพล ศิริสาคร จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 6 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ปานพิมพ์ หรือแพม เตชะธนชัยพัฒน์ อดีตนางเอกหนังเรื่องเดอะกิ๊ก และเป็นนางแบบปฏิทินลีโอ 2010 พร้อมด้วย นายวรุตย์ บราวน์ พระเอกหนังเรื่อง อินจัน นำเอกสารหลักฐานการเช่าซื้อรถเดินทางเข้าพบ นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ กรณีถูกอดีตโฆษกพรรคการเมืองดัง บอกให้เช่าซื้อรถเบนซ์ รุ่น อี350 และ รถบีเอ็มดับเบิลยู รุ่นซีรีส์ 7 ให้ซึ่งขณะนั้นพวกตนทำงานเป็นเลขาฯส่วนตัวให้อดีตโฆษกพรรคการเมืองคนดังกล่าว แต่เมื่อออกรถทั้ง 2 คันมาให้แล้วกลับไม่ยอมผ่อนส่งค่างวดรถ จนตนถูกไฟแนนท์รถโทรฯทวงถามมาตลอดทำให้ได้รับความเดือดร้อน จนเครียดมากกลัวจะเป็นโรคซึมเศร้า จึงได้เดินทางมาพบทนายรัชพลเพื่อขอความช่วยเหลือ
โดย น.ส.ปานพิมพ์ ให้การว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.63 ตนมาทำงานเป็นเลขาฯส่วนตัวให้กับอดีตโฆษกฯ แต่พอทำงานได้ไม่นานได้บอกกับตนว่าให้ช่วยเช่าซื้อรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู รุ่นซีรีส์ 7 ให้หน่อยเพราะตัวอดีตโฆษกฯ ไม่สามารถซื้อรถเองได้ อ้างว่าเครดิตไม่ดี และมีเรื่องอยู่ที่ศาลจึงทำให้ไม่สามารถออกรถเองได้ จำเป็นต้องใช้ชื่อตนออกรถให้แทน ส่วนเรื่องเงินผ่อนส่งค่างวดรถอดีตโฆษกฯ จะเป็นคนจัดการส่งค่างวดรถเองทั้งหมด ด้วยความที่เชื่อใจประกอบกับตนทำงานเป็นเลขาให้ด้วย จึงยอมออกรถให้ โดยคันแรกเป็นรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ราคา 2,090,000 บาท เงินดาวน์ 498,214 บาท ผ่อนงวดละ 39,648 บาท 43 งวด โดยตลอด 1 ปีแรก อดีตโฆษกฯ ส่งค่างวดรถตรงมาโดยตลอด
ต่อมาเมื่อเดือน ก.พ. 64 อดีตโฆษกได้บอกให้ตนออกรถเบนซ์ให้อีกคัน ตอนแรกตนก็ปฏิเสธไปว่าไม่อยากทำให้แล้ว แต่เขาอ้างว่าจะซื้อรถให้พ่อเขาโดยไปดูที่ศูนย์รถแห่งหนึ่งซึ่งเป็นรถเบนซ์มือ 2 แต่ยังเป็นป้ายแดงอยู่ ตนก็ยอมโดยให้แฟนเป็นคนซื้อรถแต่เอกสารไม่ผ่าน อดีตโฆษกจึงมาขอให้ตนเป็นคนซื้อรถให้ โดยจะเดินเรื่องทุกอย่างเอง จนเรื่องผ่านจึงได้ออกรถเบนซ์ รุ่น อี 350 ป้ายแดงแต่เป็นมือสอง ราคา 1,960,000 บาท ดาวน์ 490,000 บาท ผ่อนงวดละ 45,064 บาท 48 งวด เป็นชื่อตนร่วมที่ตนออกรถให้เป็นจำนวน 2 คัน หลังจากนั้นเดือน ธ.ค.64 ตนได้ลาออกจากการเป็นเลขาฯ
กระทั่งเมื่อเดือน พ.ค.65 ตนได้รับโทรศัพท์จากทางไฟแนนท์ของรถเก๋งทั้ง 2 คันว่า ตนผิดนัดชำระค่างวดรถ โดยรถบีเอ็มดับเบิลยู ค้างค่างวดรถอยู่ 3 งวด ส่วนรถเบนซ์ ค้างค่างวดรถอยู่ 4 งวด ให้ตนรีบนำเงินมาชำระหรือไม่ก็ส่งรถคืนให้กับทางไฟแนนซ์ จึงได้โทรศัพท์สอบถามไปที่อดีตโฆษกถึงเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับคำตอบว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย บ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ กระทั่งตนได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่งอ้างว่าได้รับจำนำรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู ซึ่งเป็นชื่อของตนเอาไว้ในราคา 380,000 บาท ให้ตนนำเงินมาไถ่ถอนรถออกไปพร้อมดอกเบี้ย 13,000 บาท จึงได้โทรศัพท์ไปหาอดีตโฆษกอีก แต่ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จนรู้สึกเครียดมากไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจนำเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้ามาปรึกษากับทางทนายรัชพลให้ช่วยเหลือ
ทางด้านทนายรัชพล ได้ให้คำแนะนำพร้อมกับกล่าวว่า ตอนนี้เห็นใจกับทางน้องเพราะเข้าใจว่าสุดท้ายการเป็นหนี้หลายๆ ล้านแล้วไม่ได้จ่าย อาจจะถึงขั้นถูกฟ้องร้องถึงขั้นยึดทรัพย์และอาจจะล้มละลายได้ บุคคลธรรมดาเป็นหนี้ถึงล้านนึงเนี่ยอาจจะล้มละลายได้ เพราะฉะนั้นก็อยากให้ทางคู่กรณีเข้ามาพูดคุยเข้ามาไกล่เกลี่ยและมาตกลงกันให้แน่ชัดว่าจะตกลงกันจะมีการกำหนดชำระเงินกันกี่งวด งวดละเท่าไรบ้าง ปัญหานี้ไม่ใช่คดีอาญาสามารถที่จะตกลงไกล่เกลี่ยกันได้ จึงอยากให้เข้ามาพูดคุยตกลงกัน เบื้องต้นก็อยากจะแนะนำให้ไปแจ้งความไว้ก่อน เพราะว่าการที่เอารถไปจำนำ คือการใช้คำว่าจำนำในทางปฏิบัติ ถ้าเอาไปขายจะเป็นเรื่องของการยักยอกทรัพย์ทันที ซึ่งตรงนี้จะมีโทษจำคุกอยู่ ก็อยากให้ทางน้องเข้าไปแจ้งความไว้ก่อนแล้วก็ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยติดตามรถหรือพาไฟแนนซ์ไปยึดรถหรือติดตามรถกลับมาก็สามารถทำได้เช่นกัน