หนุ่มใหญ่เมาแต่วัน ชนทั้ง จยย.-เก๋ง บาดเจ็บ 2 ราย วัดแอลกอฮอล์สูงปรี๊ด 207 มิลลิกรัม
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 2 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งมีรถเก๋งชนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เสียหายหลายคันมีผู้บาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนสุขาประชาสรรค์ 2 หรือซอยวัดกู้ ตัดถนนสุขาประชาสรรค์ 3 หรือซอยอัมพรไพศาล ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จึงพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีบรอนซ์ ทะเบียน กรุงเทพฯ สภาพท้ายรถถูกชนยุบพังเสียหายโดยมี น.ส.ณัฐวรรณ คนขับยังอยู่ในอาการตกใจ ให้ข้อมูลสั้นๆ เพียงว่าขับมาอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็ถูกรถชนท้ายอย่างแรง และห่างไปประมาณ 50 เมตร พบรถคันที่ก่อเหตุเป็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร สภาพหน้ารถพังยับเยินกระจกหน้าแตกร้าว และมีรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นทีทีเอ็กซ์ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านท้ายถูกชนพังเสียหายล้มคว่ำอยู่ข้างรถเก๋ง และยังมีรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง-ดำ ทะเบียนนนทบุรี ถูกชนได้รับความเสียหายอยู่ในที่เกิดเหตุอีก 1 คัน โดยนี้มีผู้บาดเจ็บ 2 คน คือ นายจักรกฤษณ์ อายุ 28 ปี มีบาดแผลที่ศีรษะและใบหน้า และนายพรเจริญ อายุ 52 ปี คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงไทย
นายจักรกฤษณ์ ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ในขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามปกติก็ถูกชนจากด้านท้ายรถอย่างแรง หลังจากนั้นจำอะไรไม่ได้อีกเลย จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกครั้งว่าตัวเองนอนและได้รับบาดเจ็บอยู่บนถนน
ด้าน น.ส.พัชรี คนดูแลร้านเครื่องซักผ้าที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ในขณะที่ยืนอยู่หน้าร้านเห็นว่ารถเก๋งคันต้นเหตุขับออกมาจากหน้าวัดบางพังที่อยู่ท้ายซอย พอมาถึงบริเวณสามแยกรถคันดังกล่าวมาด้วยความเร็วเร่งเครื่องพุ่งชนรถ จยย.รับจ้างก่อนที่จะไปพุ่งชนรถ จยย.อีก 1 คันติดหน้ารถไป ร่วมทั้งพุ่งชนท้ายรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ พังเสียหายด้วย
ขณะที่นายบรรจง อายุ 53 ปี คนขับรถเก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร คันต้นเหตุ อยู่ในอาการคล้ายเมาสุราและยอมรับว่าได้ดื่มสุรามา โดยให้การวกวนจับใจความได้เพียงไม่รู้เกิดอะไรขึ้น หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อตรวจวัดแอลกอฮอล์พบว่าสูงถึง 207 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงได้ทำการสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่