วัดแห่งนี้นอกจากเป็นสถานที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาที่มีความสวยงามแล้วยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์บอกเล่าเรื่องราวให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและเรียนรู้ตามประวัติกล่าวไว้ว่าเดิมบริเวณนี้เคยใช้เป็นที่สร้างพลับพลาที่ประทับชั่วคราวของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีแต่ไม่พบหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใดทราบแต่เพียงว่าเดิมเรียก “วัดตำหนัก” ส่วนวิหารและหอระฆังสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2367 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 จนเมื่อปี พ.ศ. 2464 ได้มีการเติมชื่อทิศ “ใต้” ต่อท้ายเข้าไปเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเนื่องจากวัดต่าง ๆ มีชื่อซ้ำซ้อนกันหลายแห่งสิ่งสำคัญภายในวัดได้แก่พระประธานปางมารวิชัยสมัยสุโขทัยพระอุโบสถหลังใหม่ซึ่งสร้างขึ้นจากการนำหน้าบันประตูหน้าต่างและเพดานของพระอุโบสถหลังเดิมมาใช้หน้าบันเป็นไม้แกะสลักอย่างประณีตวิจิตรวิหารเก่าแก่สลักไม้ลวดลายงดงามซุ้มบานประตูและซุ้มหน้าต่างเป็นลายดอกไม้ปูนปั้นซึ่งคงเหลือเพียงบางส่วนบานประตูและบานหน้าต่างเขียนลายทองรดน้ำยังมีหอระฆัง 2 ชั้นซึ่งหลังคาเป็นรูปปรางค์ลึกส่วนด้านในเป็นกุฏิสงฆ์ซึ่งสร้างเรียงกันได้อย่างมีระเบียบและมีต้นโพธิ์พุทธคยาจากอินเดียซึ่งอดีตเจ้าอาวาสนำมาปลูกไว้เมื่อ พ.ศ. 2514 เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-16.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2276 2720-1